เมนู

กามบรรลุอจลบท บทที่ไม่หวั่นไหวแล้ว ก็ไม่มีใครจะรู้
ได้ฉันนั้น เพราะฉะนั้น เธอทั้งหลายจงมีตนเป็นที่พึ่ง
มีสติปัฏฐานเป็นทางดำเนินเถิด เธอทั้งหลายอบรม
โพชฌงค์ 7 ประการแล้ว จักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้.

ทราบว่า พระมหาปชาบดีโคตมีภิกษุณีได้ตรัสคาถาเหล่านี้ ด้วยประ
การฉะนี้แล.
จบ อรรถกถามหาปชาบดีโคตมีเถรีคาถา

7. คุตตาเถรีคาถา


[457] พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงประทานโอวาทโปรดข้าพเจ้าว่า
ดูก่อนคุตตา การละบุตร สมบัติและของรักออก
บวช เพื่อประโยชน์แก่นิพพานอันใด เธอจงพอกพูน
นิพพานอันนั้นเนือง ๆ เถิด เธออย่าตกอยู่ในอำนาจ
จิตนะ สัตว์ทั้งหลาย ผู้ไม่รู้แจ้ง ถูกจิตลวงแล้ว พา
กันท่องเที่ยวไปสู่ชาติสงสารนี้ใช่น้อย ก็ไม่รู้.
ดูก่อนภิกษุณี เธอจงละขาดสังโยชน์อันเป็น
ส่วนเบื้องต่ำเหล่านี้ คือ กามฉันทะ พยาบาท สักกาย-
ทิฏฐิ สีลัพพตปรามาส และวิจิกิจฉา เป็นที่ครบ 5
เธออย่า สีลัพพตมาสู่กามอีกนะ เธอจงละเว้นราคะ มานะ
อวิชชา อุทธัจจะ และตัดสังโยชน์ทั้งหลายเสียแล้ว ก็
จักทำที่สุดทุกข์ได้ เธอทำชาติสงสารให้สิ้นไปแล้ว
กำหนดรู้ภพใหม่ หมดความทะยานอยาก จักเป็นผู้สงบ
ระงับ เที่ยวไปในปัจจุบัน.

จบคุตตาเถรีคาถา

7. อรรถกถาคุตตาเถรีคาถา


คาถาว่า คุตฺเต ยทตฺถํ ปพฺพชฺชา ดังนี้เป็นต้น เป็นคาถาของ
พระคุตตาเถรี.
พระเถรีแม้รูปนี้ ก็บำเพ็ญบารมีมาในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อน ๆ
สะสมกุศล ซึ่งเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานมาในภพนั้น ๆ รวบรวมธรรมเครื่อง
ปรุงแต่งวิโมกข์มาโดยลำดับ มีกุศลมูลแก่กล้าแล้ว ท่องเที่ยวไปในสุคติเท่านั้น
ในพุทธุปบาทกาลนี้ ก็บังเกิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาล กรุงสาวัตถีนี้ นาง
ได้มีชื่อว่า คุตตา. คุตตานั้น รู้เดียงสาแล้ว ถูกอุปนิสัยสมบัติคอยตักเตือนอยู่
เกลียดการอยู่ครองเรือน ขออนุญาตบิดามารดาแล้ว ก็บวชในสำนักของพระ-
มหาปชาบดีโคตมี ครั้นบวชแล้วเริ่มตั้งวิปัสสนา ประกอบภาวนาอยู่เนือง ๆ
จิตของนางก็พล่านไปในอารมณ์ภายนอก เพราะเก็บสะสมมาช้านาน หามี
อารมณ์เดียวเป็นสมาธิไม่ พระศาสดาทรงเห็น เมื่อจะทรงอนุเคราะห์พระเถรี
ทรงแผ่รัศมีไป เหมือนประทับนั่งในพระคันธกุฎี ทรงแสดงพระองค์คล้าย
ประทับนั่งบนอากาศใกล้กับนางคุตตานั้น เมื่อทรงโอวาทได้ตรัสคาถาเหล่านั้นว่า
ดูก่อนคุตตา การละบุตรสมบัติและของรักออก
บวชเพื่อประโยชน์แก่นิพพานอันใด เธอจงพอกพูน
นิพพานอันนั้นเนือง ๆ เถิด เธออย่าตกอยู่ในอำนาจ
จิตนะ สัตว์ทั้งหลายผู้ไม่รู้แจ้ง ถูกจิตลวงแล้ว ยินดี
ในวิสัยคืออารมณ์ของมาร พากันท่องเที่ยวไปสู่ชาติ
สงสารมิใช่น้อย ก็ไม่รู้ ดูก่อนภิกษุณี เธอจงละขาด
สังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำเหล่านี้ คือ กามฉันทะ